top of page
รูปภาพนักเขียนWoramuntasuan Ch

ดูบ้านก่อนซื้อ 6 สิ่งต้องพิจารณา เลือกอย่างไรให้ได้บ้านดีแบบไม่จกตา


บ้านเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง สำหรับบางคนอาจเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาสูงที่สุดในชีวิตที่ต้องควักเงินจ่าย ดังนั้นก่อนซื้อบ้าน โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเคยซื้อบ้านเป็นครั้งแรก จึงไม่ควรรีบเร่งตัดสินใจ แต่ควรใช้เวลาในการดูบ้านอย่างถ้วนถี่ เพื่อให้ได้มาซึ่งบ้านที่เหมาะสม คุณภาพดี แบบไม่จกตา โดยการดูบ้านก่อนตัดสินใจซื้อ มี 6 สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ

1. ดูบ้านก่อนซื้อ 5 รูปแบบบ้าน เลือกอย่างไรให้เหมาะสม

ก่อนไปดูบ้านและซื้อบ้าน ควรทำความรู้จักกับรูปแบบของบ้านแต่และประเภทก่อน ซึ่งจะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกบ้านได้ง่ายขึ้น โดยรูปแบบของบ้านแบ่งออกเป็น

ทาวน์โฮม/ทาวน์เฮ้าส์

ลักษณะเป็นบ้านแถวติดกัน ใช้ผนังบ้าน 2 ฝั่งร่วมกับเพื่อนบ้าน ยกเว้นบ้านหลังริมสุดจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างหนึ่งด้าน ทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่จะสูง 2 ชั้น ทาวน์โฮมส่วนส่วนใหญ่จะสูง 3 ชั้น บ้านรูปแบบนี้มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด ที่จอดรถน้อย แต่ราคาต่ำกว่าบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดเหมาะกับครอบครัวเริ่มต้นและครอบครัวขนาดเล็ก

บ้านแฝด

ลักษณะบ้านเป็นแบบคู่ โดยมีบางส่วนของบ้านฝั่งหนึ่งติดกับเพื่อนบ้าน เช่น หลังคาโรงรถ ผนังห้องครัว คานบนดินหรือใต้ดิน และจะมีพื้นที่ว่างที่ไม่ติดกับใครอยู่อีกด้านหนึ่ง มีความสูง 1-3 ชั้น บ้านแฝดมีลักษณะคล้ายกับบ้านเดี่ยว แต่มีพื้นที่ใช้สอยและมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า และราคาถูกกว่าบ้านเดี่ยว เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง

บ้านเดี่ยว

มีลักษณะเป็นบ้านหลังเดียว ความสูง 1-3 ชั้น ไม่มีผนังส่วนใดติดกับบ้านข้างเคียง เป็นบ้านที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง มีพื้นที่ว่างรอบตัวบ้าน สามารถตกแต่งต่อเติมได้หลากหลาย แต่มีราคาสูง เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่

โฮมออฟฟิศ

ลักษณะจะคล้ายกับทาวน์โฮม แต่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า สูง 3-5 ชั้น เหมาะสำหรับเอาไว้ใช้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กและพักอาศัยร่วมด้วย มีความเป็นส่วนตัวน้อยจากการแบ่งพื้นที่ไปทำธุรกิจ และมีราคาสูงกว่าที่อยู่อาศัยอื่น ๆ เพราะมักอยู่ในทำเลดีที่ทำการค้าขายได้ด้วย


2. ดูบ้านก่อนซื้อ เลือกฟังก์ชันที่พอดีกับการอยู่อาศัย

นอกจากรูปแบบบ้าน การดูบ้านต้องพิจาณาถึงฟังก์ชันของบ้านด้วย ซึ่งฟังก์ชันของบ้านจะกำหนดว่าบ้านหลังนั้นมีกี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ และมีพื้นที่ส่วนรวมอะไรบ้าง ซึ่งในการดูบ้านควรเลือกบ้านที่มีฟังก์ชันต่าง ๆ พอดีกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน

ยกตัวอย่างเช่น มีสมาชิกในครอบครัว 4 คน ควรซื้อบ้านที่มีห้องนอนอย่างน้อย 3 ห้อง ที่สำคัญต้องมีห้องน้ำเพียงพอโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน รวมทั้งมีที่จอดรถอย่างเพียงพอ

นอกจากนี้ยังควรเลือกฟังก์ชันของบ้านให้พอดีกับความต้องการใช้ เพราะหากมีห้องหนึ่งเกินมา ย่อมหมายถึงห้องอื่น ๆ จะต้องมีขนาดเล็กลง และการต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่ได้ใช้นั่นเอง


3. ดูบ้านโดยเลือกผังบ้านตามลักษณะการใช้งาน

สิ่งต่อมาที่ต้องพิจารณาก็คือผังบ้านที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากชอบทำอาหาร ควรเลือกบ้านที่มีห้องครัวแบบปิด ป้องกันกลิ่นอาหารและควันออกมารบกวนส่วนอื่น ๆ ของบ้าน หากมีผู้สูงอายุ ควรเลือกบ้านที่มีห้องนอนชั้นล่างและมีห้องน้ำในตัว หากชอบการแต่งตัว ควรเลือกบ้านที่ห้องนอนมี Walk-in Closet

ที่สำคัญบ้านต้องมีช่องเปิด ซึ่งได้แก่ประตู หน้าต่าง และช่องรับแสงอย่างเพียงพอ บ้านจะได้ไม่ทึบและร้อน


4. ดูบ้านให้ลึกไปถึงวัสดุและการตกแต่ง

นอกจากรูปร่างหน้าตาของบ้าน ควรดูบ้านให้ลึกไปถึงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านไม่ว่าจะเป็นพื้นบ้าน ผนัง กำแพง เพราะย่อมหมายถึงความแข็งแรงทนทานของบ้าน เช่น วัสดุที่ใช้ทำผนัง หากทำจากอิฐมอญจะมีความทนทานสูง แต่อมความร้อน ทำให้บ้านร้อนและไม่เก็บเสียง

อิฐมวลเบาทนทานปานกลาง แต่กันความร้อนและเก็บเสียงได้ดีกว่า ส่วนผนังคอนกรีตสำเร็จรูป มีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้มากกว่าอิฐทุกประเภท แต่ไม่สามารถทุบหรือต่อเติมได้ในอนาคต

นอกจากวัสดุ ยังควรดูไปถึงเครื่องสุขภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่บางโครงการมีให้ ว่าใช้แบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพหรือไม่ เป็นดีไซน์ที่เราชอบหรือไม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งบ้านที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการมากที่สุด


5. ดูพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก

นอกจากตัวบ้านที่ใช้อยู่อาศัย การพิจารณาไปถึงพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการก็สำคัญเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น

– สิ่งที่จำเป็นต้องมี ได้แก่ ถนน ทางเท้า พื้นที่สีเขียว ระบบไฟฟ้า ระบบระบายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัย

– สิ่งที่มีเพิ่มก็ดี เช่น คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Co-working space ซึ่งในอดีตสิ่งเหล่านี้อาจเป็นแค่เครื่องมือทางการตลาดของโครงการไม่ค่อยได้ใช้งานจริง แต่ปัจจุบันพฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการใช้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มากขึ้น ผู้ประกอบการจึงหันมาพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้มีคุณภาพและใช้งานได้จริงมากขึ้นตามไปด้วย


6. ดูบ้านเลือกโครงการที่น่าเชื่อถือ

การเลือกบ้านจากโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีเชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มีประวัติหรือมีประสบการณ์มากพอสมควร จะช่วยคัดกรองได้ในระดับหนึ่งว่าจะได้บ้านที่มีคุณภาพ เพราะยิ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ มีชื่อเสียง ย่อมไม่อยากทำบ้านไม่ดีออกมาขายให้เสียความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในยุคของโลกโซเชียลที่การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเป็นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วเช่นปัจจุบัน


ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentários


bottom of page